กระดูกพรุน กระดูกโปร่งบาง
โรคกระดูกพรุน หรือ กระดูกโปร่งบาง คือ ภาวะที่ปริมาณเนื้อกระดูกลดลง และ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของกระดูก ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เกิดกระดูกหักได้ง่ายโรคกระดูกพรุนพบบ่อยรองจากโรคข้อเสื่อม โดยที่ไม่แสดงอาการผิดปกติ การสูญเสียเนื้อกระดูกไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันและให้การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก่อนที่จะเกิดกระดูกหัก
ในผู้หญิงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ปริมาณเนื้อกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้หญิงสูญเสียปริมาณเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า ผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคนี้ถึงร้อยละ30-40 แต่ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคนี้เพียงร้อยละ 10
พบว่าในผู้หญิงอายุ 60-70 ปีเป็นโรคนี้ ร้อยละ 40 และในผู้หญิงอายุมากว่า 80 ปี จะเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 60 จะเห็นว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน แต่ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงจะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
1. ผู้หญิงหลังจากหมดประจำเดือน (ตามธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดรังไข่ออกทั้งสองข้าง ) สาเหตุสำคัญเชื่อว่าเกิดจาก ภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
2. รับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน เช่น รับประทานอาหารโปรตีนสูง (เนื้อสัตว์) หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง (รสเค็ม) แต่รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ
3. กรรมพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีคนในครอบครัว เป็นโรคกระดูกพรุน ก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
4. สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 1 ลิตรต่อวัน
5. ขาดการออกกำลังกาย ที่มีการแบกรับน้ำหนัก
6. น้ำหนักตัว โดยเฉพาะในผู้หญิง จะพบว่าคนรูปร่างผอมมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีรูปร่างอ้วน
7. เป็นโรคบางอย่าง เช่น ไตวาย เบาหวาน รูมาตอยด์ ไทรอยด์ พิษสุราเรื้อรัง ธาลัสซีเมีย โรคมะเร็งบางชนิด
8. ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลดกรดในกระเพาะ(ยาธาตุน้ำขาว) ยากันชัก ยาขับปัสสาวะ
9. ผู้สูงอายุ เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากการขาดแคลเซี่ยมเป็นเวลานาน เนื่องจากรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ หรือ ลำไส้ดูดซึมแคลเซี่ยมได้น้อยลง และอาจร่วมกับการขาดวิตามินดี เพราะผู้สูงอายุมักไม่ได้ออกไปสัมผัสกับแสงแดด
แนวทางรักษา ปัจจุบันรักษาโดยใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน ได้แก่
1. การออกกำลังกาย ต้องเป็นการออกกำลังกายที่มีการแบกรับน้ำหนัก เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ๆ เต้นแอโรบิกแบบแรง-กระแทกต่ำ (สเต็ปแอโรบิก) ลีลาศ ยกน้ำหนัก เป็นต้น จะช่วยเพิ่มเนื้อกระดูกในบริเวณที่รับน้ำหนักได้
2. ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สูญเสียเนื้อกระดูก เช่น รับประทานอาหารให้เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูงและโซเดียมสูง แต่เพิ่มอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง
-หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน หรือ ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 1 ลิตรต่อวัน
-หลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลดกรดในกระเพาะ(ยาธาตุน้ำขาว) ยากันชัก ยาขับปัสสาวะ
3. การรักษาด้วยยา จะมียาอยู่หลายกลุ่มซึ่งมักจะต้องใช้ร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น
-ฮอร์โมนเอสโตรเจน ต้องได้รับฮอร์โมนภายใน 3- 5 ปีหลังเริ่มหมดประจำเดือน เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 5-6 ปี จึงจะได้ผลดีที่สุดในการป้องกันโรคกระดูกพรุน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป เพราะต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงของยามากขึ้น และ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็น มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม โรคตับ หลอดเลือดดำอุดตัน
-แคลเซี่ยม ปริมาณแคลเซี่ยมที่ควรจะได้รับในแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน เด็กและวัยรุ่นควรได้รับวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม คนทั่วไปควรได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับวันละ 1,500-2,000 มิลลิกรัม ผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือนควรได้รับวันละ 1,500 มิลลิกรัม และ ผู้สูงอายุควรได้รับวันละ 1,000 มิลลิกรัม
อาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น น้ำนม กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว เต้าหู้เหลือง น้ำเต้าหูหรือ อาหารจานเดียว เช่น ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้วใส่ไข่ ข้าวราดไก่ผัดกระเพรา ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น ผู้ที่ได้รับแคลเซี่ยมจากอาหารไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องได้รับ แคลเซี่ยมชนิดเม็ด เสริม
ถ้าได้รับแคลเซี่ยมอย่างเพียงพอนานประมาณ 18 เดือน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหักได้บ้าง
ในผู้สูงอายุ ควรได้รับ แคลเซี่ยม ร่วมกับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน แคลซิโทนิน หรือ วิตามินดี จึงจะได้ผลดียิ่งขึ้น
ปัจจุบัน สามารถป้องกันและแก้ปัญหา โรคกระดูกพรุน ด้วย ผลิตภัณฑ์ วินแคลริช(WIN CALRICH)
ปริมาณและราคา
- วินแคลริช ขนาดขาดละ 60 เม็ด ราคา 595 บาท
- วินแคลริช ขนาดขวดละ 180 เม็ด ราคา 1,690 บาท
สั่งซื้อได้ที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 084-6822645 , 085-0250423 , 089-7849422 อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น