วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความต้องการแคลเซียมในแต่ละวัย

                       ความต้องการของคนแต่ละวัย 
        1.หญิงตั้งครรภ์: 
          
สำหรับหญิงมีครรภ์แล้ว แคลเซียม นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อสภาวะการตั้งครรภ์อย่างมาก โดยหญิงตั้งครรภ์จำเป็นต้องได้รับ แคลเซียม มากกว่าคนธรรมดาเป็นพิเศษ
           เนื่องจากจะต้องถ่ายทอดแร่ธาตุดังกล่าวสู่ลูกเพื่อการพัฒนาโครงสร้างร่างกายของทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลน แคลเซียม ถ้าไม่สามารถบริโภคอาหารที่ให้ปริมาณ แคลเซียม ได้เพียงพอต่อทั้งแม่และลูกได้
            บ่อยครั้งจึงพบว่าหญิงมีครรภ์จะมีอาการกล้ามเนื้อปวดเกร็งในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ที่พบบ่อยคือ บริเวณน่อง
           โดยจะเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเดินมาก อันเป็นผลมากจากการขาด แคลเซียม นั่นเอง จากการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์เป็นตระคริวถึงร้อยละ 26.8 และส่วนใหญ่เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 25 สัปดาห์ และอาการดีขึ้นได้อย่างชัดเจนหากได้รับการเสริม แคลเซียม ดังนั้น แคลเซียม จึงเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นยิ่งต่อสภาวะการตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยให้พัฒนาการเติบโตของทารกในครรภ์เป็นปกติแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษาเสถียรสภาพความหนาแน่นกระดูกในแม่ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกระดูกหรือโรค กระดูกพรุน ในภายหลังได้ 
         2.วัยเด็ก: 
        เด็กๆ ต้องการ แคลเซียม มากกว่าวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและฟัน และส่วนอื่นๆ เพื่อใช้เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยการสะสม แคลเซียม ในเด็กที่หัดพูดจะช้าแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวัยหนุ่มสาว
       ซึ่งจากการศึกษาพบว่าถ้าปริมาณ แคลเซียม ในร่างกายเด็กต่ำ จะทำให้ขบวนการสะสมเกลือแร่ในกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกต่ำ เป็นผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อนหรือโรคกระดูกค่อมงอได้ โดยเด็กจะมีอาการเหงื่อออกบริเวณศีรษะมากเกินไป การนั่ง คลาน เดิน ทำได้ช้า นอนไม่หลับ
      กระดูกขาของเด็กที่ได้รับ แคลเซียม ไม่เพียงพอเมื่อรับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุเป็นผลให้ขาโก่ง กระดูกซี่โครงโค้งงอ กระดูกเชิงกรานมีรูปร่างผิดปกติซึ่งอาการนี้เมื่อเกิดขึ้นกับเด็กแล้วไม่สามารถรักษาให้หายคืนปกติได้ นอกจากจะทำการผ่าตัดใหญ่เท่านั้น สิ่งที่สำคัญของช่วงอายุนี้คือ การพัฒนารูปแบบการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอ เพื่อพัฒนาความหนาแน่นของกระดูก ให้การเติบโตของเด็กเป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกในช่วงต่อไปของชีวิตได้ 
         3.วัยหนุ่มสาว: 
           จากการศึกษาวิจัยแสดงว่า ช่วยอายุ 11-24 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายดำเนินขบวนการก่อรูปกระดูก โดยถ้าร่างกายได้รับ แคลเซียม ในปริมาณที่ต่ำกว่าร่างกายต้องการ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังซึ่งถ้าขาดอย่างร้ายแรงจะก่อให้เกิดโรคกระดูกอ่อน มีอาการเจ็บกระดูก เจ็บกล้ามเนื้อ และเมื่อประสบกับการกระดูกหัก กระดูกจะสมานให้เหมือนเดิมได้ช้า
       สิ่งสำคัญคือ การรักษาระดับการบริโภคอาหารให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ต้องการเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก ถ้าจะต้องมีการสูญเสียไปในภายหลังของช่วงชีวิต โดยถ้าเราได้รับ แคลเซียม ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือกลางคนอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง อายุการสึกหรือผุกร่อนตามธรรมชาติก็จะยืดออกไปได้อีกนานกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกันที่บริโภค แคลเซียม ไม่เพียงพอในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว 
        4.วัยสูงอายุ: 
        คนเราปกติจะมีโอกาสสูญเสีย แคลเซียม จากกระดูกเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เพราะว่าเมื่ออายุเกินกว่า 30 ปีแล้ว ร่างกายจะไม่สะสม แคลเซียม อีกต่อไป โอกาสเผชิญกับโรคเกี่ยวกับกระดูกจะสูงถ้าร่างกายไม่ได้รับ แคลเซียม อย่างเพียงพอ
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียกระดูกในช่วงประมาณ 5-6 ปีแรกหลังจากหมดประจำเดือน เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมน oestrogens และประสิทธิภาพในการสร้าง Vitamin D ก็ลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะเป็นโรค กระดูกพรุนสูง
       โดยเป็นโรคที่เป็นผลมาจากการขาดแคลน แคลเซียม ซึ่งบางครั้งอาจทำให้กระดูกหักได้เนื่องจากแบกรับน้ำหนักตัวไม่ไหว และในกรณีที่ร้ายแรงจะก่อผลเสียต่อกระดูกสันหลัง กระดูกต้นขา และกระดูกแขนท่อนนอกได้อีกด้วย โดยโรคดังกล่าวจะไม่แสดงอาการใดๆ ให้ทราบเลยจนกว่าจะมีอาการกระดูกหัก
      ดังนั้นคนในวัยสูงอายุที่มีการเสริม แคลเซียม ให้กับกระดูกอย่างเพียงพอ จะช่วยยับยั้งการสูญเสียกระดูกในช่วงนี้ได้ การเผชิญกับการผุกร่อนของกระดูกจะน้อยลง ความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับโรคที่เกี่ยวกับกระดูกเมื่อย่างเข้าสู่วัยทองก็น้อยลงหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้จะเห็นได้ว่า แคลเซียม มีความจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัยด้วยกันทั้งนั้น แต่ปริมาณความต้องการ แคลเซียม ของร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละวัย
     ปัจจุบัน แคลเซี่ยม มีอยู่ใน ผลิตภัณฑ์ วินแคลริช(Win Calrich) 
      วิธีรับประทาน :
      รับประทานครั้งละ 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร
    วิน แคลริช 1 เม็ด ประกอบด้วย Oyster Shell Calcium Powder 255 มิลลิกรัม ซึ่งมีแร่ธาตุแคลเซียม 127.5 มิลลิกรัม

      ปริมาณและราคา
     ขนาด   60 เม็ด  ราคา     530 บาท
     ขนาด 180 เม็ด  ราคา  1,485 บาท
    สั่งซื้อที่                                               
   คุณ วีระชัย  โทร. 084-6822645 , 085-0250423
          อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com




โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) ป้องกันด้วย วินแคลริช(Win Calrich)





                             ภาวะกระดูกพรุน 
          โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในสตรีวัยหมดประจำเดือน ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนที่สำคัญคือกระดูกหักเมื่อสูงอายุ
       ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไร จนกระทั่งกระดูกพรุนและจางมากจึงจะเกิดอาการต่างๆ ได้แก่ 
     
1.เมื่อเกิดการหกล้มที่ไม่รุนแรง ก็จะเกิดกระดูกหัก บริเวณกระดูกหักที่พบได้บ่อยได้แก่ กระดูกหลัง กระดูกสะโพก กระดูกข้อมือ 
     
2.ปวดกระดูกหลัง ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมีปัญหาปวดหลัง กระดูกสันหลังยุบตัวลง 
     
3.น้ำหนักลดเนื่องจากเนื้อกระดูกลดลง 
      4.ผู้ป่วยจะหลังโก่ง หลังค่อม ตัวเตี้ยลง เตี้ยลง ให้วัดส่วนสูงปีละครั้ง ถ้าหากเตี้ยลงแสดงว่าอาจมีโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจสังเกตพบว่ากล้ามเนื้อลีบลง 
     
5.กระดูกแขนขาเปราะและหัก ได้แก่ กระดูกข้อมือ กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง ทำให้เกิดการพิการเดินไม่ได้ ผลจากการที่กระดูกหักจะทำให้ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งเดินด้วยตัวเองไม่ได้ และจากรายงานการศึกษาวิจัยพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 15-20 
    
6.อาจมีอาการแทรกซ้อนจากกระดูกหัก เช่น ปอดบวม แผลกดทับ ติดเชื้อ แขนขาใช้งานไม่ได้ ทำให้ผู้สูงอายุเสียชีวิตได้โดยง่าย 
       การป้องกัน: 
      1.ป้องกันการสูญเสียความแข็งแรงของกระดูกลงได้ โดยรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมมากร่วมกับวิตามินที่เร่งการดูดซึมคือ วิตามิน ดี และ ซี เช่น นม ผัก ผลไม้ใบเขียว น้ำส้ม และปลาต่างๆ ส่วนอาหารประจำวันซึ่งเป็นอาหารไทยๆ หาได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง และมีสารอาหารแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้งตัวเล็ก กุ้งฝอย กะปิ ปลาสลิด งาดำคั่ว เต้าหู้ ถั่วเหลืองสุก ถั่วเขียวสุก ใบยอ มะขามฝักสด ผักคะน้า มะเขือพวง 
     2.รับประทานแคลเซี่ยมที่อยู่ในรูปของยาเพิ่มเติม 
     3.การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มต้นทุนของเนื้อกระดูกให้หนาแน่นมากขึ้น และการทำกิจกรรมต่างๆ ในผู้สูงอายุจะช่วยรักษาสภาพของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นของข้อต่อต่างๆ ความแข็งแรงของกระดูก ล้วนแล้วแต่เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจรุนแรงจากการหกล้ม ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ 
     4.เลิกสุราและบุหรี่ จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและชลอการเกิดภาวะกระดูกพรุนลงได้ เนื่องจากสุรา กาแฟ และบุหรี่ เป็นสารที่ชะลอการดูดซึมแคลเซียม
     ปัจจุบัน แคลเซี่ยมที่ดีที่สุด อยู่ใน ผลิตภัณฑ์ วินแคลริช(Win Calrich)
       วิธีรับประทาน :
        รับประทานครั้งละ 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร
    วิน แคลริช 1 เม็ด ประกอบด้วย Oyster Shell Calcium Powder 255 มิลลิกรัม ซึ่งมีแร่ธาตุแคลเซียม 127.5 มิลลิกรัม

   ปริมาณและราคา
   ขนาด   60 เม็ด  ราคา     530 บาท
   ขนาด 180 เม็ด  ราคา  1,485 บาท
   สั่งซื้อที่                                               
   คุณ วีระชัย  โทร. 084-6822645 , 085-0250423 , 089-7849422
          อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com




วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วินแคลริช(WIN CALRICH)ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม

               วินแคลริช(WIN CALRICH)ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม
         แคลเซียมจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูกและฟัน มีความสำคัญต่อสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและการแข็งตัวของเลือด จำเป็นอย่างมากต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ การส่งสัญญาณประสาท การทำงานของเอนไซม์ และการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมสมดุลของกรด ด่างในเลือดและป้องกันการเป็นโรคกระดูกพรุนอีกด้วย
        วินแคลริชเหมาะสำหรับ?
       วิน แคลริชเหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการการเจริญเติบโต นักกีฬา สตรีตั้งครรภ์ และให้นมบุตร บุคคลทั่วไปที่ต้องการสะสมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงสตรีวัยหมดประจำเดือน และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและโรคอื่นๆ อันเนื่องมาจากการขาดแคลเซียม
        ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม วินแคลริช เพื่อสุขภาพกระดูกและฟันที่แข็งแรง เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการเจริญเติมโต นักกีฬา สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร บุคคลทั่วไป ที่ต้องการสะสมแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สตรีวัยหมดที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและโรคอื่นๆ อันเนื่องมากจากการขาดแคลเซียม 
  ความโดดเด่น 7 ประการของผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม วิน แคลริช:     1.มีปริมาณแร่ธาตุแคลเซียมสูงสุด (เกลือแคลเซียมคาร์บอเนตมีแร่ธาตุแคลเซียมสูงถึง 40%) 
   2.ผลิตด้วยกรรมวิธีอีเล็กโตรไลซิส ทำให้ได้แคลเซียมในรูปแบบแตกตัว (lonized Calcium) พร้อมดูดซึมที่ทางเดินอาหารทันที 
   3.ดูดซึมได้ดี มีค่าชีวประสิทธิผล (Bioavailability) สูงถึง 97.4% (จากการทกสอบของ the Japan Food Laboratory) 
   4.ละลายน้ำได้ง่าย ใช้เวลาแตกตัวในทางเดินอาหารเพียง 4 นาทีเท่านั้น (ตามข้อกำหนดของ USP Pharmacopeia แคลเซียมรูปแบบเม็ดต้องใช้เวลาในการแตกตัวในทางเดินอาหารน้อยกว่า 30 นาที) 
   5.ปราศจากน้ำตาล จึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือ ผู้ที่แพ้นมวัว 
6.เม็ดเล็ก รับประทานง่าย ไม่ทำให้ท้องผูก 
   7.ใช้ Oyster Shell ที่เพาะเลี้ยงอย่างดี ปราศจากโลหะหนักและสารตะกั่ว คัดพิเศษด้วยมือก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตที่โรงงาน ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตแคลเซียมชนิดเม็ดมากกว่า 30 ปี วิน แคลริช

 1 เม็ด ประกอบด้วย Oyster Shell Calcium Powder 255 มิลลิกรัม ซึ่งมีแร่ธาตุแคลเซียม 127.5 มิลลิกรัม 
                        โรคกระดูกพรุน คืออะไร ? 
      

     โรคกระดูกพรุน คือ "ภาวะที่กระดูกทั่วร่างกายมีมวลกระดูกลดน้อยลงและมีการเสื่อมสลายของเนื้อเยื่อกระดูก จนทำให้กระดูกนั่นเปราะบางและแตกหักง่ายกว่าปกติ"      
     ในการเจริญเติบโตของคนเรา จะมีการสะสมเพิ่มปริมาณของมวลกระดูกหรือเนื้อกระดูกอยู่ตลอดเวลา เห็นได้จากการที่เด็กโตขึ้นสูงใหญ่ขึ้นนั่นเอง การสะสมของมวลกระดูกจะเร็วหรือช้าต่างกันในแต่ละช่วงอายุโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในช่วงก่อนเข้าสู่วัยรุ่นจะมีการเจริญและสะสมมวลกระดูกมากและเร็วที่สุด หลังจากนั้นการสะสมชองมวลกระดูกจะเริ่มช้าลง จนเมื่อเข้าสู่ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือ ช่วงประมาณอายุ 25 - 30 ปี การสะสมของมวลกระดูกจะหยุดลง ซึ่งเราจะเรียกระดับของมวลกระดูกในขณะนั้นว่า " ระดับมวลกระดูกสูงสุด" (Peak bone mass)
      ซึ่งจะแตกต่างกันตามปัจจัยทางพันธุกรรมของแต่ละบุคคล, เพศ, เชื้อชาติ และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะทางโภชนาการ , การออกกำลังกาย และภาวะต่าง ๆ ที่มีผลต่อระดับฮอร์โมน มวลกระดูกจะคงที่อยู่เช่นนั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนถึงช่วงอายุประมาณ 35 - 40 ปี ระดับมวลกระดูกจะเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ ประมาณ 0.5 - 1 % ต่อปีทั้งในเพศหญิงและเพศชาย
       แต่ในเพศหญิงจะมีปรากฎการณ์ที่ทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกเพิ่มมากขึ้นอีกนั่นก็คิอ "ภาวะหมดประจำเดือน" (Menopause) ซึ่งเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกเร็วขึ้นถึง 3 - 5 % ต่อปี ทั้งนี้ในแต่ละคนจะมีอัตราการสูญเสียมวลกระดูกไม่เท่ากัน กว่าที่จะสูญเสียมวลกระดูกจนถึงระดับที่กระดูกมีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักกรือที่เราเรียกว่า "กระดูกพรุน" แล้วจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางคนใช้เวลา 20 - 30 ปี แต่ในบางคนใช้เวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น สรุปง่าย ๆ คือ ในทุกคนถ้ามีอายุยืนยาวพอก็จะต้องเป็นโรคนี้ 
        ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ ?         

      ได้มีการศึกษาและวิจัยอย่างกว้างขวางว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย และมีคนในกลุ่มใดได้บ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ เราจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า " กลุ่มเสี่ยง " ซึ่งได้แก่
      ผู้สูงอายุทั้งเพศหญิงและเพศชาย ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนยิ่งหมดประจำเดือนมานาน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น ผู้หญิงที่ได้รับการผ่าตัดเอารังไข่ออกหรือมีภาวะ ที่รังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร 
      1.ผู้ที่มีรูปร่างผอมบาง , มีน้ำหนักน้อยเมื่อเทียบกับความสูง 
      2.ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน หรือเคยกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน 
      3.ผู้ที่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่จัด 
      4.ผู้ที่ได้รับยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาสเตียรอยด์ , ยากันชัก , ยาไทร็อกซิน ฯลฯ 
      5.ผู้ที่เป็นโรคบางโรค เช่น โรครูมาตอนด์ , โรคต่อมไทรรอยด์เป็นพิษ , โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด ฯลฯ
 
    จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้ ? 
  การที่เราจะรู้ได้ว่า เราเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่นั้นเป็นไปได้จาก 2 กรณีคือ 
       1.ในระยะที่แสดงอาการภาวะกระดูกพรุนจะมีอาการก็ต่อเมื่อมีกระดูกหักเกิดขึ้นทั้งที่เป็นการกระทบกระแทกหรือจากกระดูกหักเราะรับน้ำหนักตัวที่มาก ๆ ซึ่งพบได้ที่ตำแหน่งของกระดูกสันหลัง , กระดูกข้อมือ ,และกระดูกสะโพก 
       2.ในระยะที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งในกรณีนี้ก็จะต้องใช้การตรวจวัดปริมาณความหนาแน่นของมวลกระดูก (BMD = Bone Mineral Density) เท่านั้นจึงจะบอกได้ 
      
    ดูข้อมูลที่ http://wincalrichelken.blogspot.com  
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    คุณ วีระชัย  ทองสา  โทร. 085-0250423 , 084-6822645
            อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com






วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โรคกระดูกพรุน

                                  กระดูกพรุน กระดูกโปร่งบาง
        โรคกระดูกพรุน หรือ กระดูกโปร่งบาง คือ ภาวะที่ปริมาณเนื้อกระดูกลดลง และ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของกระดูก ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เกิดกระดูกหักได้ง่าย
        โรคกระดูกพรุนพบบ่อยรองจากโรคข้อเสื่อม โดยที่ไม่แสดงอาการผิดปกติ การสูญเสียเนื้อกระดูกไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมได้ ดังนั้นจึงควรป้องกันและให้การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก่อนที่จะเกิดกระดูกหัก 
        ในผู้หญิงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ปริมาณเนื้อกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้หญิงสูญเสียปริมาณเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า ผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคนี้ถึงร้อยละ30-40 แต่ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคนี้เพียงร้อยละ 10 
         พบว่าในผู้หญิงอายุ 60-70 ปีเป็นโรคนี้ ร้อยละ 40 และในผู้หญิงอายุมากว่า 80 ปี จะเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 60 จะเห็นว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน แต่ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงจะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง 

       ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน 
    1. ผู้หญิงหลังจากหมดประจำเดือน (ตามธรรมชาติ หรือ ผ่าตัดรังไข่ออกทั้งสองข้าง ) สาเหตุสำคัญเชื่อว่าเกิดจาก ภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน 
    2. รับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน เช่น รับประทานอาหารโปรตีนสูง (เนื้อสัตว์) หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง (รสเค็ม) แต่รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ 
    3. กรรมพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีคนในครอบครัว เป็นโรคกระดูกพรุน ก็จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
    4. สูบบุหรี่ ดื่มสุรา ดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 1 ลิตรต่อวัน
    5. ขาดการออกกำลังกาย ที่มีการแบกรับน้ำหนัก 
    6. น้ำหนักตัว โดยเฉพาะในผู้หญิง จะพบว่าคนรูปร่างผอมมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีรูปร่างอ้วน 
    7. เป็นโรคบางอย่าง เช่น ไตวาย เบาหวาน รูมาตอยด์ ไทรอยด์ พิษสุราเรื้อรัง ธาลัสซีเมีย โรคมะเร็งบางชนิด
    8. ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลดกรดในกระเพาะ(ยาธาตุน้ำขาว) ยากันชัก ยาขับปัสสาวะ
    9. ผู้สูงอายุ เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากการขาดแคลเซี่ยมเป็นเวลานาน เนื่องจากรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมต่ำ หรือ ลำไส้ดูดซึมแคลเซี่ยมได้น้อยลง และอาจร่วมกับการขาดวิตามินดี เพราะผู้สูงอายุมักไม่ได้ออกไปสัมผัสกับแสงแดด 

     แนวทางรักษา ปัจจุบันรักษาโดยใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน ได้แก่ 
    1. การออกกำลังกาย ต้องเป็นการออกกำลังกายที่มีการแบกรับน้ำหนัก เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ๆ เต้นแอโรบิกแบบแรง-กระแทกต่ำ (สเต็ปแอโรบิก) ลีลาศ ยกน้ำหนัก เป็นต้น จะช่วยเพิ่มเนื้อกระดูกในบริเวณที่รับน้ำหนักได้ 
    2. ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สูญเสียเนื้อกระดูก เช่น รับประทานอาหารให้เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูงและโซเดียมสูง แต่เพิ่มอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง 
       -หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน หรือ ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 1 ลิตรต่อวัน
       -หลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลดกรดในกระเพาะ(ยาธาตุน้ำขาว) ยากันชัก ยาขับปัสสาวะ
    3. การรักษาด้วยยา จะมียาอยู่หลายกลุ่มซึ่งมักจะต้องใช้ร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น

       -ฮอร์โมนเอสโตรเจน ต้องได้รับฮอร์โมนภายใน 3- 5 ปีหลังเริ่มหมดประจำเดือน เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 5-6 ปี จึงจะได้ผลดีที่สุดในการป้องกันโรคกระดูกพรุน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป เพราะต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงของยามากขึ้น และ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็น มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม โรคตับ หลอดเลือดดำอุดตัน
       -แคลเซี่ยม ปริมาณแคลเซี่ยมที่ควรจะได้รับในแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน เด็กและวัยรุ่นควรได้รับวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม คนทั่วไปควรได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับวันละ 1,500-2,000 มิลลิกรัม ผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือนควรได้รับวันละ 1,500 มิลลิกรัม และ ผู้สูงอายุควรได้รับวันละ 1,000 มิลลิกรัม
         อาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เช่น น้ำนม กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว เต้าหู้เหลือง น้ำเต้าหูหรือ อาหารจานเดียว เช่น ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้วใส่ไข่ ข้าวราดไก่ผัดกระเพรา ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น  ผู้ที่ได้รับแคลเซี่ยมจากอาหารไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องได้รับ แคลเซี่ยมชนิดเม็ด เสริม

          ถ้าได้รับแคลเซี่ยมอย่างเพียงพอนานประมาณ 18 เดือน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหักได้บ้าง 
      ในผู้สูงอายุ ควรได้รับ แคลเซี่ยม ร่วมกับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน แคลซิโทนิน หรือ วิตามินดี จึงจะได้ผลดียิ่งขึ้น 
       ปัจจุบัน สามารถป้องกันและแก้ปัญหา โรคกระดูกพรุน ด้วย ผลิตภัณฑ์ วินแคลริช(WIN CALRICH) 
       ปริมาณและราคา
       - วินแคลริช ขนาดขาดละ   60 เม็ด   ราคา      595 บาท
       - วินแคลริช ขนาดขวดละ 180 เม็ด   ราคา   1,690 บาท
      สั่งซื้อได้ที่
       คุณ วีระชัย   ทองสา โทร. 084-6822645 , 085-0250423 , 089-7849422                 อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com 



วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ELKEN WIN CALRICH ผลิตภัณฑ์วิน แคลริช จากเอลเคน

วิน แคลริช(Win Calrich)

วินแคลริช(WIN CALRICH)ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม

 วิน แคลริช(WIN CALRICH)ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม
         แคลเซียมจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูกและฟัน มีความสำคัญต่อสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและการแข็งตัวของเลือด จำเป็นอย่างมากต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ การส่งสัญญาณประสาท การทำงานของเอนไซม์ และการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมสมดุลของกรด ด่างในเลือดและป้องกันการเป็นโรคกระดูกพรุนอีกด้วย
        วินแคลริชเหมาะสำหรับ?
       เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการการเจริญเติบโต นักกีฬา สตรีตั้งครรภ์ และให้นมบุตร บุคคลทั่วไปที่ต้องการสะสมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงสตรีวัยหมดประจำเดือน และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและโรคอื่นๆ อันเนื่องมาจากการขาดแคลเซียม
     
ความโดดเด่น 7 ประการของ วิน แคลริช
    1. มีปริมาณแร่ธาตุแคลเซียมสูงสุด (เกลือแคลเซียมคาร์ยอเนต มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงถึง 40%)
    2. ผลิตด้วยกรรมวิธีอีเล็กโตรไลซิส ทำให้ได้แคลเซียมในรูปแบบแตกตัว (lonized Calcium – Ca2+ ) พร้อมดูดซึม ที่ทางเดินอาหารทันที
    3. ดูดซึมได้ดี มีค่าชีวประสิทธิผล (Bioavailability) สูงถึง 97.7% (จากการทดสอบของ The Japan Food Research Laboratory
    4. ละลายน้ำได้ง่าย ใช้เวลาแตกตัวในทางเดินอาหารเพียง 4 นาที เท่านั้น (ตามข้อกำหนดของ USP Pharmacopeia แคลเซียมรูปแบบเม็ดต้องใช้เวลาในการแตกตัวในทางเดินอาหารน้อยกว่า 30 นาที)
    5. ปราศจากน้ำตาล จึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่แพ้นมวัว
    6. เม็ดเล็ก รับประทานง่าย ไม่ทำให้ท้องผูก
    7. ใช้ Oyster Shell ที่เพาะเลี้ยงอย่างดี ปราศจากโลหะหนักและสารตะกั่ว คัดพิเศษด้วยมือก่อนเข้าสู่กระบวนการ ผลิตที่โรงงาน ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตแคลเซียมชนิดเม็ดมากกว่า 30 ปี


วิธีรับประทาน :
รับประทานครั้งละ 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร

    วิน แคลริช 1 เม็ด ประกอบด้วย Oyster Shell Calcium Powder 255 มิลลิกรัม ซึ่งมีแร่ธาตุแคลเซียม 127.5 มิลลิกรัม

ปริมาณและราคา
   ขนาด   60 เม็ด  ราคา     530 บาท
   ขนาด 180 เม็ด  ราคา  1,485 บาท
สั่งซื้อที่                                               
   คุณ วีระชัย  โทร. 084-6822645 , 085-0250423 , 089-7849422
          อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com